Written by 6:07 pm ข่าวสาร

ลุ้น”คนละครึ่ง” เฟส 5 ใช้งบฯ เยอะแต่ได้ผลดี

นายกรัฐมนตรี รับกำลังหารือกู้เงินเพิ่ม เผย คนละครึ่งเฟส 5 ให้แนวทางไปแล้ว ยอมรับใช้งบฯมาก แต่ได้ผลดีช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจ ห่วงการใช้จ่ายประชาชน หลังรายได้ลด แนะปรับพฤติกรรมใช้จ่าย ให้เหมาะสมสถานะ

เมื่อวันที่19 เม.ย. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ถือเป็นการประชุม ครม.ครั้งแรกหลังเทศการสงกรานต์ ซึ่งผ่านไปได้ด้วยดี และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน และบุคลากรทางแพทย์ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา และมองว่า สงกรานต์ปีนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามโรดแมปหลังโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้สูงอายุ

แต่ปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่มีอยู่ปัจจุบัน เพราะต้องใช้งบในการดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ ใช้เงินไป 8 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งการจะเพิ่มงบเพื่อดูแล ต้องดูจากงบประมาณที่รัฐบาลหาได้ โดยได้ให้แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณที่เหลือในปี 65 และการจัดทำงบประมาณปี 66 ว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะนำพาประเทศผ่านวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปให้ได้ โดยให้หลักการว่า ต้องทำให้อยู่รอดปลอดภัย พอเพียง และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต

ส่วนความจำเป็นจะต้องมีการกู้เงินเพิ่มหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าว่า ยังอยู่ระหว่างการหารือ แต่ให้เตรียมมาตรการเอาไว้ แต่ต้องทำให้อยู่รอด ปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน ต้องทำไปตามสเตป และต้องดูว่างบประมาณมีอยู่เท่าไร และจำเป็นต้องหาเพิ่มหรือไม่ ซึ่งถ้าเราไม่ต้องใช้งบประมาณเพื่อดูแลเรื่องโควิด-19 คิดว่าไทยจะมีเสถียรภาพที่ดีกว่านี้ แต่เป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมก็ต้องบริหารให้ดีที่สุด

ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 5 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้แนวทางไปแล้ว แต่ยอมรับว่าต้องใช้งบประมาณมากพอสมควร และส่งผลดีให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ แต่ปัญหาคือ จะต้องหางบประมาณมาจากไหน ก็ต้องไปหาวิธีการ

นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงการใช้เงินของประชาชน เพราะมีรายได้ลดลงแต่สินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานมีราคาสูงขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนไม่เพียงพอ เพราะค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน เกือบถึง 50% ของรายได้แล้ว หรืออาจมากกว่านั้น ประชาชนก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย ถ้ามีเงินน้อย ก็เลือกใช้ เลือกกินให้เหมาะสมกับสถานะในขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้มีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมา แต่จำเป็นต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมให้ได้

“วันนี้เงินทุกบาท ทุกสตางค์ก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด เท่าที่มีงบประมาณอยู่ หรือเงินกู้ที่กู้มาใช้ไปมากแล้วในการมีชีวิตอยู่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ยังมีความเสี่ยงหลายอย่างด้วยกัน มาเจอสงครามเข้าไปอีก คือ ทุกรัฐบาลไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ทุกคนก็พยายามช่วยเต็มที่แล้ว ก็ขอความร่วมมือให้เข้าใจ ถ้าโจมตีกันไปกันมา ก็ไม่สำเร็จสักอย่าง เพราะเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลยังมีเสถียรภาพที่เข้มแข็งเพียงพอ แต่งบประมาณที่นำมาบริหารประเทศอาจต้องลดลงบ้าง ซึ่งรัฐบาลได้ใช้งบประมาณสูงมากในการดูแลกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อย และจำเป็นต้องเข้าไปดูแลธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ เพราะเป็นแหล่งจ้างงาน และให้เกิดห่วงโซ่ไปด้วยกัน รวมไปถึงการพัฒนาฝีมือแรงงานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การมีรายได้สูงขึ้นในอนาคต

(Visited 344 times, 1 visits today)
Close