ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 หลายประเทศซึ่งมีภาวะชะงักงันหรือชลอตัวทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของโควิด ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆทางสาธารณสุขลง
แล้วเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยว มีตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
โดยทางการญี่ปุ่น ได้ผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ สามารถเดินทางเข้ามาแบบเป็นรายบุคคล และไม่ต้องมีการแจ้งล่วงหน้า
รวมทั้งอนุญาตให้เรือสำราญเข้าจอดเทียบท่าได้เป็นครั้งแรกในรอบสองปี ตลอดจนส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นเที่ยวภายในประเทศด้วย โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินให้คนละ 11,000 เยนต่อวัน เป็นจำนวนเจ็ดวัน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลั่งไหลเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งคนญี่ปุ่นเอง ก็เดินทางท่องเที่ยวกันคึกคัก ด้วยมาตรการดังกล่าวข้างต้น ได้ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิดของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสองเดือน โดยในวันอังคารที่ผ่านมา ติดเชื้อ 105,184 คน เฉพาะกรุงโตเกียว 11,196 คน ฮอกไกโด 10,906 คน ทำลายสถิติสองเดือนที่แล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายน จำนวน 100,260 คน
โดยที่นักวิจัย NIT : Nagoya Institute of Technology ได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการคำนวณสถานการณ์โควิดของญี่ปุ่น พบว่าเมื่อใช้ปัจจัยของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ BQ.1 ซึ่งแพร่เร็วกว่า BA.5 กว่า 1.2 เท่า รวมทั้งสถานการณ์วัคซีน การใส่หน้ากาก และการเคลื่อนที่ของประชาชนจำนวนมาก
คาดว่าจะพบผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงโตเกียว ทำลายสถิติพีคของรอบที่แล้ว
โดยคาดว่าเดือนธันวาคม 2565 จะมีผู้ติดเชื้อวันละ 30,000 คน และมกราคม 2566 วันละ 36,000 คน
เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ ก็มีผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุวันละ 60,000 ราย เป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้วเช่นเดียวกัน
แชร์มาจาก; ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
